เรือนภาคกลาง
ชุมชนแถบภาคกลางเป็นสังคมเกษตรกรรมบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำสายอื่นๆ อีกมากมาย ชาวบ้านในภาคกลางจึงผูกพัน และใช้ประโยชน์ต่างๆ จากแม่น้ำ และเนื่องจากภาคกลางมีภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกือบตลอดทั้งปี คนจึงนิยมปลูกบ้านริมน้ำ
เรือนไทยภาคกลาง เป็นเรือนไทยประเภทที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อยที่สุด ตัวบ้านเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูงเสมอศีรษะคนยืน รูปทรงล้มสอบ หลังคาเป็นทรงจั่วสูง ชายคายื่นยาวเป็นกันสาด เรียกว่า “ไขรา” เพื่อให้ความร้อนจากหลังคาถ่ายเทสู่ตัวบ้านได้ช้า และทำให้น้ำฝนไหลลงจากหลังคาได้รวดเร็ว ไม่มีน้ำขัง อีกทั้งยังช่วยป้องกันแดดส่องและฝนสาด โดยบริเวณเรือนครัว ตรงส่วนของหน้าจั่วทั้ง 2 ด้าน จะทำช่องระบายอากาศ โดยใช้ไม้ตีเว้นช่องหรือทำเป็นรูปรัศมีพระอาทิตย์ เพื่อให้ถ่ายเทควันไฟออกจากเรือนครัวได้สะดวก ชายคากันสาดยื่นออกจากตัวเรือนมาก ส่วนฝาผนังของบ้านเป็นกรอบที่เรียกว่า “ฝาลูกฟัก” หรือ “ฝาปะกน” สามารถยกถอดประกอบกันได้ ซึ่งนับเป็นลักษณะเฉพาะของเรือนไทยของภาคกลางเท่านั้น
ชานบ้านมีลักษณะกว้าง โดยทั่วไปมีปริมาณถึงร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด ถ้ารวมพื้นที่ของระเบียงเข้าไปด้วยจะมีปริมาณถึงร้อยละ 60 พื้นที่นี้เป็นส่วนอาศัยภายนอก ส่วนที่อาศัยหลับนอนมีฝา กั้นเป็นห้อง มีเนื้อที่เพียงร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด สาเหตุที่พื้นที่อยู่อาศัยภายนอกมีปริมาณมากกว่า เพื่อให้เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทยนั่นเอง
ส่วนตัวบ้าน ส่วนมากจะมีการยกใต้ถุนสูงจากพื้นดินเป็นระดับลดหลั่นกัน พื้นระเบียงลดจากพื้นห้องนอน 40 เซนติเมตร พื้นชานลดจากระเบียงอีก 40 เซนติเมตร และปิดด้วยไม้ระแนงตีเว้นช่องโปร่ง การใช้ระดับลด 40 เซนติเมตร เพื่อไว้เป็นที่นั่งห้อยเท้านั่นเอง การลดระดับพื้นทำให้สามารถลมพัดผ่านจากใต้ถุนขึ้นมาข้างบนและสามารถมองลงมายังใต้ถุนชั้นล่างได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้พื้นที่ด้านล่างเก็บเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำกสิกรรม ป้องกันน้ำท่วมและยังป้องกันสัตว์ร้าย หรือคนร้ายที่จะมาคุกคามคนในบ้านในยามค่ำคืนได้
เรือนไทยภาคกลางมีทั้งแบบเรือนเดี่ยว เรือนหมู่ เรือนหมู่คหบดี หรือเรือนแพ แต่ว่าจะเป็นเรือนแบบไหนก็จะนิยมวางเรือนไปตามสภาพแวดล้อมทิศทางลมตามความเหมาะสม
ประเภทของเรือนไทยภาคกลาง
- เรือนเดี่ยว
เป็นเรือนสำหรับครอบครัวเดี่ยว สร้างขึ้นโดยมีประโยชน์ใช้สอยที่เพียงพอกับครอบครัวเล็กๆ อาจเป็นเรือนเครื่องผูก เรือนเครื่องสับ หรือผสมผสานกันก็เป็นได้แล้วแต่ฐานะ ประกอบด้วย เรือนนอน 1 หลัง เรือนครัว 1 หลัง ระเบียงยาว ตลอดเป็นตัวเชื่อมระหว่างห้องนอนกับชาน
- เรือนหมู่
คือเรือนหลายหลังซึ่งปลูกอยู่ในที่เดียวกัน สมัยก่อนลูกชายแต่งงานส่วนใหญ่จะไปอยู่บ้านผู้หญิง ส่วนลูกผู้หญิงจะนำเขยเข้าบ้านจะอยู่เรือนหลังย่อมกว่า เรือนหลังเดิมเรียกว่า “หอกลาง” ส่วนเรือนนอกเรียกว่า “หอรี” เพราะปลูกไปตามยาว ถ้ามีเรือนปลูกอีกหลังหนึ่งเป็นด้านสกัด จะเรียกว่า “หอขวาง” อาจมี “หอนั่ง” ไว้สำหรับนั่งเล่น บางแห่งมี “หอนก” ไว้สำหรับเลี้ยงนก
- เรือนหมู่คหบดี
เป็นเรือนสำหรับผู้ที่มีฐานะ เป็นเรือนขนาดใหญ่ มีเรือนคู่ และเรือนหลังเล็กหลังน้อยรวมเข้าด้วยกัน แต่ละหลังใช้ประโยชน์ต่างหน้าที่กันออกไป ประกอบด้วย เรือนนอน เรือนลูก เรือนขวาง เรือนครัว หอนก และชาน
- เรือนแพ
เป็นการสร้างเรือนในลักษณะ “เรือนแพ” ที่สามารถปรับระดับของตนเองขึ้นลงได้ตามระดับน้ำในแม่น้ำลำคลอง เนื่องจากการสร้างบ้านบริเวณชายฝั่งต้องยกพื้นชั้นบนสูงมาก ทำให้ไม่สะดวกในการอยู่อาศัยในหน้าแล้ง
กล่าวโดยสรุป การสร้างบ้านเรือนไทยของภาคกลางนั้น สื่อความหมายของวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของคนในภาคกลาง รวมทั้งความเชื่อต่างๆ ผ่านการออกแบบและตกแต่ง จนกลายเป็นเอกลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น
สิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำในการอกแบบและตกแต่งบ้านเรือนไทยภาคกลาง
- บันไดห้ามใช้จำนวนขั้นคู่ (ต้องเป็นขั้นคี่ นับเฉพาะขั้น ไม่นับรวมพื้นหรือชานพัก)
- บันไดไม่ลงไปทางทิศตะวันตก
- ไม่หันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก
- ไม่ทำน้ำพุหรือน้ำตกไหลเขาตัวบ้าน
- ไม่ทำทางเข้าลอดห้องน้ำหรือห้องส้วม
- ไม่ทำอาคารรูปตัว “ที” มีปีกเท่ากันสองข้าง เรียกว่า “แร้งกระพือปีก” ถือว่าเป็นอัปมงคล
- ไม่ทำเรือนทะลุหน้าตลอดหลัง ถือเป็น “เรือนอกแตก” อัปมงคล
- ห้ามใช้ไม้ตะเคียนหรือไม้มะค่าในการปลูกบ้าน
- ห้ามใช้เสาตกมัน
- ห้ามทำทางเข้าออกคู่ไว้ตอนมุมของพื้นดินที่ทางสามแพร่งหรือสี่แยก
- ห้ามนำภาพยักษ์ไว้ในบ้าน
- ห้ามนำหนังใหญ่หรือหนังตะลุงไว้ในบ้าน
- ห้ามใช้ช่อฟ้า ใบระกา เครื่องวัด เครื่องหลวง หรือมีแต่เครื่องประดับในบ้าน
- ห้ามปลูกเรือนคร่อมตอ
- ห้ามปลูกศาลพระภูมิใต้เงาเรือน
- ห้ามทำบันไดเวียนซ้ายขาขึ้น
- ไม่ปลูกบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่
- ห้ามใช้เสาไม่มีตาในระยะ “เป็ดไซ้ ไก่ตอก สลักรอด หมูสี”
- ห้ามทำเตียงนอนขาสิงห์ หรือเครื่องใช้ขาสิงห์เด็ดขาด
- ห้ามนำของวัดเข้าบ้านหรือนำมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
- ห้ามทำทางเข้าเวียนซ้ายของอาคาร
- ไม่ทำภูเขาจำลองไว้ในบ้าน
ความเชื่อถือแต่โบราณเรื่องฤกษ์ยามและวิธีการก่อสร้างบ้านเรือนไทย
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนอ้าย ย่อมจักได้เป็นเศรษฐี ทรัพย์สินเพิ่มพูนมี เพราะเดือนนี้อุดมผล
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนยี่ ทรัพย์สินมีมามากผล เมื่อดิถีดูชอบกล ข้าศึกและแสนกลมามากล้นพ้นศัตรู
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสาม ภัยติดตามงามน่าดูคนใจร้ายมันสู้ เมื่อถึงฤดูจักเกิดอันตราย
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสี่ ลาภมากมายมีสุขสบายทุกโศกบรรเทาหาย ความสบายเพิ่มพูนมา
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนห้าทุกข์เท่าฟ้ามาถึงตนปลูกเดือนนี้ไม่มีผลทุกข์ล้นพ้นภัยมีมา
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนหก ท่านหยิบยกไว้เหลือหลาย ทรัพย์ศฤงคารบันดาลมามากมาย อยู่สุขสบายทรัพย์เนืองนอง
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนเจ็ดทรัพย์ระเห็ดสิ้นทั้งผอง ทรัพย์สินที่ตนครองอัคคีภัยผยองมาเผาพลาญ
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนแปด จะร้อนแผดระทมหาญ ทรัพย์สินและบริวารทรยศหมดไปเอง
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนเก้า ใจไม่เศร้าเกิดบรรเลง ยศศักดิ์เกิดขึ้นเอง ทั้งทรัพย์สินเพิ่มพูนมา
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบ จักฉิบหายต้องขื่อคา โรคภัยร้ายก้าวหน้า อันตรายจะมาปะปน
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบเอ็ดอันความเท็จจักมาสู่ตน ปลูกเดือนนี้ไม่มีผลต้องผจญกับทุกภัย
- ผู้ใดปลูกเรือนในเดือนสิบสอง เงินและทองจักเหลือหลาย สรรพสัตว์แลวัวควาย บริเวณมาก มาย ไหลเทมา